วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

ขณะจิตคือเวลาที่เดินไปข้างหน้าไม่มีวันพักแม้เราตายก็ยังเดินต่อไม่มีสิ้นสุด

คำว่าขณะจิต ก็คือเวลาที่เดินไปข้างหน้าโดยไม่มีวันหยุดพัก เมื่อมีร่างกายเกิดขึ้นจึง มีสติคอยควบคุมดูแลไปตลอดจิตที่มีมหาสติคอยดูแลในเบื้องต้นจะไม่ัชอบจะรู้สึกอึดอัดและขัดเคือง เนื้อตัวจะหนักๆเมื่อฝึกจนเป็นมหาสติเป็นเนื้อเดียวกับจิตแล้วจิตนั้นจะกลับมาดูแลสติสติก็ดูแลจิตเป็นอัตโนมัติเองเมื่อสติกับจิตเป็นเนื้อเดียวกันจิตจะเกิดเป็นมหาสมาธิ มีพลังมีสติปัญญาจนท่านจะรู้สึกตกใจและทึ้งซึ่งในสิ่งนี้รู้ได้ด้วยตนเองกินนั่งนอนเดินจะเป็นมหาสมาธิ นิ่ง สุขุม เยือกเย็น เกิดปัญญาอันเฉียบแหลมขึ้นมาเองอยู่อริยาบทใดสถานที่ใดๆใจเป็นสุข อยู่เป็นสุข ชีวิตเป็นสุข มองเห็นเส้นทางที่จะไปข้างหน้า มองเห็นเส้นทางหลุดพ้นชัดเจนขึ้นจะเห็นชีวิตนั้นเป็นของๆเราแต่ในที่สุดแล้วชีวิตมันก็ไม่ใช่ของๆเรา เราเป็นคนใช้ขีวิตในขณะที่มีร่างกายใช้อย่างมีสติทุกลมหายใจเข้าออกทุกๆขณะจิตที่กำลังเดินไปข้างหน้าแบบไม่มีหยุดหย่อนโดยมีกิเลศตัณหาคอยเป็นผู้กำกับการแสดงคอยบ่งการเรื่องรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสธรรมารมณ์ส่งทับถมเข้าไปในดวงจิตจึงต้องมีสติคอยยับยั้งชั่งใจคอยดูแล จิตนั้นไม่มีรูปร่างมีแต่เวลาคอยกำกับ เวลาก็คือจิตจิตก็คือเวลานั้นคือสิ่งเดียวกันคิดอย่างนี้ก็ไม่ผิด จิตนั้นแม้ร่างกายนี้แตกสลายไปจิตก็ยังมีเวลาเดินต่อไปไม่หยุดหย่อนไม่เหนื่อยไม่พักแม้วินาทีเดียว ทางที่จะให้จิตนั้นพักผ่อนต้องหยุดเวลาจิตนั้นให้ได้อะไรจะหยุดเวลาได้ ก็มีแต่สติปัญญาเท่านั้น สตินั้นเป็นตัวรู้ตัวเห็นจิตเห็นใจเป็นปัญญาแต่เมื่อเห็นแล้วก็ส่งคืนไม่ยึดเอามาเป็นเจ้าของเมื่อไม่ใช่เจ้าของก็ไม่ทุกข์ เมื่อถึงเวลาสุดท้ายก็ครองสติขณะจิตจะจากไปเพื่อเดินต่อไปในโลกแห่งวิญญาณตามวิบากกรรมนั้น ก็ดับจิตคือปล่อยวางสัมภาระทั้งหมดคืนสู่โลกแม้สติปัญญาก็ต้องส่งคืนใช้เฉพาะแค่ตอนดับจิต เมื่อดับจิตได้แล้ว จิตจะหยุดเดินเหลือแต่มหาปัญญาก็ปล่อยวางในช่วงลมหายใจสุดท้าย ทุกอย่างจึงจะจบสิ้น ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น