วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิธีตามรู้วาระจิตอย่างถูกต้อง

จิตยิ่งบังคับเท่าไหร่ยิ่งดิ้นรนต่อสู้เท่านั้น หากเรากำหนดจิตเพ่งจิต ก็เหมือนไปบังคับเขา เพราะจิตนั้นมันก็ไม่ใช่ของเราเราจะไปบังคับเขาไม่ได้เขาไม่ชอบถึงบังคับได้ก็เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นก็ได้อยู่หากไปกำหนดบังคับจิต จิตจะรู้สึกอึดอัดไม่เบาโล่งเหมือนการปล่อยวาง ทางที่ดี เราควรใช้ควรใช้สติในการตามรู้ตามดู แล้วปล่อยวาง พออารมณ์อะไรๆมากระทบจิตก็ตามรู้ตามดูแล้วปล่อยวางเป็นช่วงๆไปแต่ก็ต้องตามรู้ตามดูให้ทันเกมส์ของจิต พอมากระทบปุ๊บรู้แล้วเห็นแล้วก็ปล่อยวางไม่ต้องไปตามดูตลอดเวลา การเพ่งตามดูจิตตลอดเวลาก็เหมือนเป็นการบังคับจิตในทางหนึ่ง สติจะล้าและเหนื่อย เพราะจิตนั้นไม่ได้มีแค่อารมณ์เดียวในทุกนาทีจิตนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราตามอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ตลอดเวลาไม่ไหวหรอก รู้แล้วก็ปล่อยวางอะไรเกิดขึ้นรู้แล้วก็ปล่อยวางเพียงแต่ให้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาแต่ละอย่างๆเท่านั้น เราจะรู้สึกเบาโล่ง จิตเมื่อเราตามรู้ตามดูบ่อยๆอย่างเท่าทันโดยไม่ไปเพ่งจับผิดตลอดเวลา รู้แล้วว่าคิดอะไรทำอะไรคิดดีคิดเลวก็ให้มันคิดไปคิดเลวคิดชั่วก็ให้มันคิดไปไม่ต้องบังคับให้มันหยุดคิดเพียงแต่เราใช้สติตามรู้แล้วว่าคิดอะไรก็ปล่อยวางลงเปรียบเหมือนคนที่โดน คนมองรู้แล้วว่าจะทำอะไร แล้วจะกล้าทำอะไรเล่า กิเลศหรือตัวอารมณ์มันก็จะค่อยๆเกิดความเบื่อหน่ายที่มีใครมาตามรู้ เท่าทันมัน เมื่อมันเบื่อมากๆเข้ามันก็ตายไปเอง ก็จะเหลือมหาสติเท่านั้นที่คลุมร่างนี้เมื่อถึงเวลาก็ต้องปล่อยคืนมหาสตินี้คืนสู่ความเป็นธรรมชาติ เป็นนิพพานัง
ตามรู้
1.ตามรู้อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ซึ่งก็คือกิเลศนั่นเอง
2.ตามรู้หน้าที่การงานที่ต้องทำ ในปัจจุบัน และในอนาคต
3.ตามรู้ ความเป็นจริงของธรรมชาติ ก็คือตามรู้ความเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆในตัวและรอบตัวว่าเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง มีการตั้งอยู่และดับไปในที่สุดไม่ช้าก็เร็ว ปลงสู่ความไม่ยึดไม่ถือเอาเป็นเจ้าของ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น