วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

แสงแห่งธรรมวังวนแห่งกรรม


แสงแห่งธรรมวังวนแห่งกรรมชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออะไร เพื่อให้รู้การบุญการกุศล ยังอกุศลให้ดับมอดมลายหายไปแล้วไปพบกันที่ฝั่งนิพพาน เมื่อใกล้จะตาย ก็ดับวิญญาณเข้านิพพาน ไปในที่สุด
แต่คนเราหรือมนุษย์เรานั้นยัง นั่งกินนอนเดิน หลงระเริงในรสกามในรสกิเลศ ไม่รู้สิ้นสุด
บางคนไม่เคยถามตนเองเลยว่าเกิดมาเพื่ออะไร คิดว่าชีวิตนี้ยืนยาว ลงทุนกอบโกย
ไม่ว่าทางดีหรือทางชั่ว หลงมัวเมา เหมือนปลาที่ติดเบ็ด ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ ยิ่งกดฝังแน่น ในที่สุด
ก็เป็นเหยื่อพรานนั้น แล้วตา่ยไป ถามว่าได้อะไรหรือ ก็ได้ความทุกข์ส่งลงไปในปรโลก
แล้วต้องมาเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้สิ้น ทำไมเรา ไม่ตั้งสติฉุกคิด ก่อนจะกินเบ็ดพรานนั้น
จงอย่ามองแค่นี้เหยื่อนี้ต้องเอาต้องได้ จงว่ายไปตามสายเบ็ดนั้น แล้วขึ้นไปมองหน้านายพราน
บนผิวน้ำ ก็จะเห็นโทษ ของการอยากได้อยากดี อยากเด่น คือกิเลศผลที่ได้นั้นมันรออยู่ มันแค่สุขครั้งเดียว แต่ต้องทนทุกข์ ไปจนวันตาย เราต้องการเช่นนั้นหรือ มนุษย์เอ๋ย เค้าส่งมาให้ปลดทุกข์แต่ดันมาสร้างทุกข์ สร้างเวรสร้างกรรม ความสุขแป๊บเดียว แต่ทุกข์จนวันตายแม้ตายก็ยังทุกข์จงกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ชีวิตนี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาส มากมายมหาศาลกว่าสัตว์ทั้งหลายแต่กลับใจไม่ได้น่าเสียดายโอกาสงามๆจะมีให้เราสักกี่ครั้งกี่หนกัน ยากดีมีจน รูปร่างร่างกายไม่ใช่สิ่งนำมาวัด ความดีเลว จิตใจต่างหาก ที่นำมาวัด มาชั่งใจ คนที่จะตอบเราได้ว่าดีหรือเลวก็คือดัวของเราเอง ไม่ใช่ใครจะมาบอกว่า คนนั้นดี คนนั้นเลว คนที่รู้ดีที่สุด คือตัวเราไม่ใช่ใครที่ไหนจงทำงานหากิน ด้วยความสุจริต มีสติตั้งใจทำงาน รู้จักกิน รู้จักใช้ และรู้จักการแบ่งปัน เมื่อมีโอกาสมองความสุขที่ไขว่คว้ามา แล้วจงนึกถึงความทุกข์ที่จะตามมาภายหลัง ซึ่งมีแน่นอน ความทุกข์เราไม่ต้องหาเดี๋ยวมันก็มาของมันเอง ใช้ชีวิต ด้วยความไม่ประมาท ก็คือมีสติตื่นรู้ตัวตลอดเวลาทั้งในบ้านและนอกบ้าน ความไม่ประมาทก็บังเกิดเอง เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดกับเราอย่าได้บูมบ่าม มองคิดสรุปก่อน แล้วค่อยทำด้วยสติปัญญาเท่าที่เราจะมี ใช้ชีวิตในความเป็นมนุษย์ในเป็น เค้าให้มาใช้สติปัญญา อย่านำความโง่ออกมาใช้ ความโง่คืออะไร ก็คือ รักโลภ โกรธ หลงเวลารัก ก็รักมาก เวลาโลภ ก็โลภมาก เวลาโกรธ ก็โกรธมาก เวลาหลง ก็หลงมาก เค้าเรียกว่าโง่มากรักโลภโกรธหลง ทุกคนมี แต่ใช้ไม่เป็นกัน ใช้แล้วไม่คิด ไม่ตรึกตรอง ไม่กลั่นกรอง ปัญหาจึงเกิดหากใช้เป็น ปัญหานั้น ก็ลดน้อย จิตใจ ก็ไม่ทุกข์ มากกว่า ที่เป็นอยู่ สิ่งที่สำคัญก็คือ เราเกิดมาแล้วโดนขังอยู่ในโลกใบนี้แล้วเป็นห้องขังขนาดใหญ่ หนีไปไหนไม่ได้ นอกจากความตายเท่านั้นเองเกิดมาก็ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมา ตายไปก็ไม่ได้เอาอะไรไป สิ่งสมบัติมากมาย ที่หาไว้ก็เป็นของโลกต้องทิ้งไว้ในห้องขังโลกนี้เหมือนเดิม เอาไปด้วยไม่ได้ กลายเป็นสมบัติผลัดกันชมเท่านั้นเองแล้วจะหาอะไรเป็นแก่นสารของชีวิตเรา ก็ความดี มีน้ำใจ ต่อเพื่อร่วมโลก ความยังกุศลให้ถึงและยังอกุศลให้มอดดับ มีเหตุผล มีความอดทน อดกลั้น ยอมเสียเปรียบเพื่อหยั่งรู้ความโกรธว่าไม่กำเริบ ยอมเสียเปรียบเพื่อดับโกรธ นั้นคือยอดคน ตามธรรมดามนุษย์นั้นไม่มีใครยอมเสียเปรียบใคร เมื่อเสียเปรียบก็บังเกิดความโกรธขึ้นมา แต่เราผู้มีสติมั่น เราจะยังความโกรธนั้นไม่ให้กำเริบ เสิบสาน หากทำได้ ถือได้ว่าท่านนั้นคือยอดคน หากไม่มีความโกรธเลย ก็เข้าขั้นพระอนาคามีหากวางร่างกายดั่งพื้นปฐพี ก็เป็นพระอรหันต์ เท่านั้นเอง หากจะเข้านิพพาน ตอนใกล้ตายมาวัดกันคือต้องปลดปล่อยวิญญาณ วางทุกอย่างนั้นคืนสู่โลก เมื่อไม่มีวิญญาณแล้ว จิตนั้น ก็อยู่ไม่ได้ เมื่ออยู่ไม่ได้มันก็ไม่ใช่ของเรา จะไปไหนก็ไม่เกี่ยวกับเรา ทุกอย่างว่างโล่ง  ดับ คงไว้แต่อริยะปัญญา ซึ่งก็ไม่ใช่ของเรา เป็นสัจธรรม เป็นธรรมะของโลก คือความจริงที่ปรากฏ แล้ว คงอยู่อย่างนั้น ไม่มีการไป ไม่มีการมา เพราะการไปนิพพานนั้น ต้องใช้ปัญญาขั้น อริยะปัญญา มาประกอบ ไม่มีอริยะปัญญาไปนิพพานไม่ได้ อริยะปัญญาก็เป็นอารมณ์ๆหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงแล้ว เมื่อพร้อมแล้ว ก็วางคืนไป แล้วก็ไปนิพพาน ทุกคนไปนิพพานได้ แต่ต้องใช้ปัญญาขั้นอริยะปัญญา คนบ้า สติไม่สมประกอบ ไม่มีทางจะไปนิพพานได้เลย คนที่จะไปนิพพานได้ จึงต้องฝึกสติปัญญา ฝึกสมาธิ ฝึกระงับ ดับกิเลศ ฝึกควบคุมและดูแลจิตเข้าออกได้ไม่ติดขัด สติปัญญารู้แจ้งแทงตลอด รู้จักปล่อย และกำหนดจิต รู้จักวาง เมื่อถึงเวลาต้องวาง ไม่ยึดไม่ถือไม่เอา นิพพานนั้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ทุกคนไปได้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า ว่ากันชาตินี้ กันเลยนะ ทุกท่านทุกคน สาธุ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น